ชีค มันซูร์ มหาเศรษฐีเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงทุนสร้างอาณาจักรลูกหนังที่สุดแข็งแกร่ง ด้วยการลงทุนเงินไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ เพื่อสร้าง สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม, สิ่งอำนวยความสะดวก, สนามซ้อม และรวมถึงศูนย์ฝึกเยาวชนที่ผลิตนักเตะชื่อดังออกมาอยู่ในสนามอย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม การก้าวขึ้นไปเล่นบนทีมชุดใหญ่ของทัพเรือใบสีฟ้านั้นถือเป็นเรื่องยากของเด็กเยาวชนในสโมสร จะมีหลายคนถอดใจและต้องย้ายออกจากทีมไปเพื่อตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ ซึ่งคุณอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่านักเตะชื่อดังคนนี้เคยค้าแข้งอยู่กับ ทัพเรือใบสีฟ้า มาก่อน เราจึงนำ 10 นักเตะที่เคยอยู่ในทีมชุดเยาวชนของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาให้ถึงแฟนๆ Sportmf.com ได้รับชมกัน
1.แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (Kasper Schmeichel)
ลูกชายหะวแก้วหัวแหวนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เคยเป็นเด็กปั้นของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะถูกปล่อยยืมไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีม ดาร์ลิงตัน, บิวรี่, ฟัลเคิร์ก, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, และโคเวนทรี ซิตี้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในทัพเรือใบสีฟ้าได้ จึงต้องย้ายออกจากถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ไปและเซ็นสัญญากับทางสโมสร น็อตต์ส เคาน์ตี้ ในปี 2009 โดย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล มีส่วนช่วยให้ น็อตต์ส เคาน์ตี้ สามารถคว้าแชมป์ลีก ทู ได้สำเร็จ ก่อนที่ในปี 2010 ลีดส์ ยูไนเต็ด จะเห็นฟอร์มเก่งของตัวเขาและไม่รอช้ารีบกระชากตัวมาร่วมทีมทันที
แต่อย่างไรก็ตาม แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ได้ถูกส่งต่อให้ทาง เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ใช้งานต่อในปี 2011 ในทันที ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะกลายเป็นกำลังหลักของสโมสรจนพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาพร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 ได้สำเร็จ
2.อาเดรียง ราบิโอต์ (Adrien Rabiot)
มิดฟิลด์เลือดน้ำหอม เคยเป็นเด็กเยาชนอยู่ในอคาเดมี่ของ แมนซิตี้ ในระยะเวลาสั้นๆ ของปี 2008 ก่อนที่จะย้ายกลับบ้านและไปเข้าร่วมฝึกซ้อมกับทีมเยาชนของ เปแอสเช หรือปารีส แซงต์ แชร์แมง ทำให้เขาได้พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ถูกปล่อยยืมไปเล่นให้กับ ตูลูส ในปี 2013 และกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่พร้อมทั้งคว้าแชมป์ลีก เอิง กับ เปแอสเช ก่อนที่จะย้ายไปค้าแข้งกับยูเวนตุส ในปี 2019
3.ปาโบล มารี (Pablo Mari)
ปาโบล มารี ย้ายมาจากสโมสร กิมนาสติก มาค้าแข้งในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ในปี 2016 แต่ก็ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของทัพเรือใบสีฟ้าได้สำเร็จ เขาจึงถูกปล่อยยืมให้กับค้าแข้งกับ 3 สโมสรอย่าง คิโรน่า, เอ็นเอซี เบรด้า, เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ก่อนที่สุดท้าย มารี จะถูกขายขาดให้กับสโมสร ฟลาเมนโก้ ก่อนที่ในช่วงตลาด ซื้อ-ขาย นักเตะเดือนมกราคม 2020 เขาจะได้กลับมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง ด้วยสัญญายืมตัวกับสโมสร อาร์เซน่อล
4.เบน มี (Ben Mee)
เขาเคยเป็นกัปตันทีมชุดเยาวชนที่ แมน ซิตี้ และยังพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ปี 2008 ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับสัญญาถาวรกับ ทัพเรือใบสัฟ้า ในปีนั้น เบน มี เคยไปทัวร์ปรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ที่ประเทศ สหรัฐอเมริกา ในปี 2008 ภายใต้การคุมทีมของยอดกุนซืออย่าง โรแบร์โต มันชินี่
เบน มี ลงประเดิมกับทีมชุดใหญ่ในเกมแพ้ให้กับ เวสต์บรอม ในเอฟเอ คัพปี 2010 หลังจากนั้นโอกาสในลงสนามของเขาก็ค่อนข้างน้อยลง ทำให้เขาย้ายไปเล่นให้กับ เลสเตอร์ และเบิร์นลีย์ ในสัญญายืมตัว ก่อนที่ในปี 2012 สโมสร เบิร์นลีย์ จะตัดสินใจซื้อขาดเพื่อเสริมแกร่งให้กับทีม ขนกระทั่งปัจจุบันเขากลายเป็นกัปตันทีมให้เบิร์นลีย์ไปเรียบร้อยแล้ว
5.บราฮิม ดิอาซ (Brahim Diaz)
บราฮิม ดิอาซ เริ่มค้าแข้งกับสโมสร มาลาก้า ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในทีมชุดเยาวชนของ ทัพเรือใบสีฟ้า ด้วยวัยเพียง 16 ปี แต่ได้รับโอกาสน้อยครั้งในลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ซึ่งฤดูกาลที่แล้วเขาสามารถทำได้ 2 ประตูในเกมที่พบ ฟูแล่ม ในศึก คาราบาว คัพ
ก่อนที่ในเวลาต่อมา ดิอาซ จะค้นพบว่าเขาไม่เหมาะที่จะค้าแข้งในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม และด้วยสัญญาที่กำลังจะหมดใน มิถุนายน ปี 2019 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงจำใจต้องขายเขาให้กับ เรอัล มาดริด ที่ข้อเสนอมา 15 ล้านปอนด์ บราฮิม ดิอาซ ลงเล่นไปแล้ว 18 นัดในทุกรายการ นับตั้งแต่ร่วมทัพ “ราชันชุดขาว”
6.แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (Daniel Sturridge)
สเตอร์ริดจ์ ย้ายเข้ามาอยู่ทัพเรือใบสีฟ้า ในทีมชุดเยาวชนของ เมื่อปี 2003 จนกระทั่งในฤดูกาล 2006-07 เขาได้ขึ้นมาฝึกซ้อมกับเหล่านักเตะในทีมชุดใหญ่และได้ลงสนามให้ทีมเป็นครั้งแรก ในฤดูกาล 2008-09 เขาสามารถคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรมาครองได้ โดยในปีดังกล่าว สเตอร์ริดจ์ ลงเล่นไปทั้งหมด 26 นัด ทำไปได้ 4 ประตู แต่หลังจากเจ้าตัวหมดสัญญากับทีมก็ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเชลซีเพื่อหาความสำเร็จใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ซึ่งซีซั่นแรกของเจ้าตัวกับ ทัพสิงห์บลู ก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ต่อมาในฤดูกาล 2011-12 สเตอร์ริดจ์ ก็มีซีซั่นที่ยอดเยี่ยมของตัวเองด้วยการลงเล่นในทุกรายการไปถึง 43 นัดและทำไปได้อีก 13 ประตูให้ พา เชลซี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะถูกปล่อยยืมไปเล่นให้กับสโมสร โบลตัน ในเดือนมกราคม 2012
เขาย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในช่วงตลาดฤดูหนาวปี 2013 เสริมกำลังในแดนรหน้ากับ หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมช่วย หงส์แดง จบอันดับที่ 2 ในปี 2014 หลังจากได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้งในช่วงการคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เขาก็ถูกปล่อยยืมไปอยู่ โบลตัน อีกครั้งในเดือนมกราคมปี 2018 และย้ายออกจากพรีเมียร์ลีกไปหาประสบการณ์ใหม่กับสโมสร แทร็บซอนสปอร์ ในประเทศตุรกี ก่อนที่เมื่อต้นเดือน มี.ค. จะออกมาประกาศแยกทางกับทีม และขณะก็ยังโดนแบนหลังถูกเอฟเอลงโทษเหตุจากเรื่องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพนันบอล
7.เดนิส ซัวเรซ (Denis Suárez)
กองกลางทีมชาติสเปนเริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับทางสโมสร เซลต้า บีโก้ เมื่อปี 2011 ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้กับ แมน ซิตี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถที่จะแทรกแซงขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ ทัพเรือใบสีฟ้า ได้ และย้ายกลับมาค้าแข้งอยู่ในประเทศสเปน โดยได้เล่นให้กับทีม บาร์เซโลน่า ชุดบี ก่อนจะถูกปล่อยยืมไปเล่นให้กับสโมสร เซบีย่า ในปี 2014-2015
เดนิส ซัวเรส ลงเล่นไปทั้งหมด 46 นัดในการแข่งขันทุกรายการ และยังสามารถทำไปได้อีก 3 ประตูในศึก ยูโรปา ลีก และนอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ทีมก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ แต่ทางด้าน เซบีย่า ก็ไม่ยอมซื้อขาด จนในเวลาต่อมา บาร์ซ่า ได้ตัดสินใจขาย เดนิส ซัวเรซ ให้กับทาง บียาร์เรอัล โดยมีเงื่อนไขซื้อกลับ ซึ่งเมื่อผ่านไป 1 ฤดูกาล ทางสโมสร บาร์เซโลน่า ก็ได้ใช้เงื่อนไขดังกล่าวและดึง ซัวเรซ กลับมา แต่เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์เก่งออกมาได้จนถูกปล่อยให้ อาร์เซน่อล ยืมตัวไปใช้งานในปี 2018-2019 แต่ก็ไม่สามารถโชว์เก่งออกมาได้ จนกระทั่งในปี 2019 บาร์เซโลน่า ได้ตัดสินใจขายขาด เดนิส ซัวเรส ให้กับสโมสร เซลต้า บีโก้ ซึ่งในซีซั่นนี้เจ้าตัวเพิ่งทำไปได้แค่ 1ประตูเพียงเท่านั้น
8.ลอริส คาริอุส (Loris Karius)
หลังจากแมงมองของ แมนซิตี้ ได้ไปดูฟอร์มถึงประเทศเยอรมัน พวกเขาตะลึงกับความเก่งกาจของดาวรุ่งรายนี้ก่อนจะตัดสินใจคว้าตัว คาริอุส มาร่วมทีมในปี 2009 โดยเขาได้ลงเล่นในทีมชุด ยู-18 และ ยู-21 แต่เขาก็ยังไม่ได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่ของสโมสร เขาตัดสินใจที่จะย้ายกลับไปเฝ้าเสาในประเทศ เยอรมัน ซึ่ง คาริอุซ เล่นให้กับ ไมนซ์ ในปี 2012จนหลายสื่อในเมืองเบียร์ยกให้เขาเป็นผู้รักษาประตูมือกาวประจำ บุนเดสลีก้า เลยทีเดียว
หลังจากนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ดึงตัวเขามาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในปี 2016 แต่เจ้าตัวกลับโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังจนทำให้ ทัพหงส์แดง พลาดการคว้าแชมป์ UCL ทำให้ คล็อปป์ ไม่รอช้ารีบตัวเขาออกจากทีม โดยให้ทางสโมสร เบซิคตัส ยืมตัวไป จนถึงตอนนี้
9.คีแรน ทริปเปียร์ (Kieran Trippier)
ทริปเปียร์ อยู่ในทีมเยาวชนของสโมสรแมนเชาเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนกระทั่งต่อมาเขาได้เซ็นสัญญานักเตะอาชีพกับทีม ในปี 2007 ซึ่งเขามีส่วนช่วยทีมสามารถคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ มาครองได้ในปีนั้น แต่เขากลับได้รับโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่เพียงแค่ในเกมอุ่นเครื่องกับ บาร์เซโลน่า เท่านั้น
ทำให้เขาถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ บาร์นสลีย์ และได้ย้ายถาวรไปอยู่กับ เบิร์นลีย์ ในศึกแชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะมีส่วนช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีก และก็เป็น สเปอร์ส ที่รีบคว้าตัวเขามาร่วมทีม ทั้งที่ เบิร์นลีย์ เพิ่งขึ้นชั้นมาแค่ปีเดียวเท่านั้น ต่อมาเขาก็สร้างชื่อมากมายใน ทัพไก่เดือยทอง แต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาเขาถูกขายให้กับ แอตเลติโก มาดริด ในศึก ลา ลีก้า สเปน
10.จาดอน ซานโช่ (Jadon Sancho)
จาดอน ซานโช่ เริ่มต้นชีวิตการเป็นนักฟุตบอลกับสโมสร วัตฟอร์ด ตั้งแต่ 7 ขวบ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายมาอยู่ในทีมเยาวชนของสโมสร แมนฯซิตี้ ด้วยวัยเพียง 14 ปี ซึ่งเขาก็ทำผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายทีมต่างพากันจับตามอง แต่ในเวลานั้นประธานสโมสรได้คิดว่า เร็วเกินไปที่ ซานโช่ จะก้าวขึ้นทีมชุดใหญ่ จนในปี 2017 จาดอน ซานโช่ ไม่ได้มีชื่อในการทัวร์ปรีซัซั่นกับทีม ทำให้เขาก็ตัดสินใจย้ายสโมสรไปเล่นให้กับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวเพียง 8 ล้านปอนด์
และหลังจากนั้น จาดอน ซานโช่ ก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอดจนได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าในเวลานี้เขาเป็นนักเตะที่เนื้อหอมที่สุดและคาดว่าในการย้ายทีมครั้งต่อไปจะมีมูลค่ามหาศาลแน่นอน